นายาเนชโจทย์เก่าบัวขาว

 33 ปีบนสังเวียนผ้าใบกีฬามวยไทย “บัวขาว บัญชาเมฆ” ไม่เคยมีคำว่า “ชกต้มคนดู” ทุกหมัดอัดเข้าไป ทุกแข้งที่ฟาดใส่  ทุกศอกที่สับไม่ยั้ง ล้วนมาจากมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะทำให้ทุกไฟต์ของตัวเองออกมาให้ดีที่สุด เช่นเดียวกับการชกไฟต์ล่าสุดของ บัวขาว ที่เอาชนะเพื่อนซี้ที่คบหากันมานานกว่า 20 ปี อย่าง “แสนชัย” บัวขาว ต้องลดน้ำหนักลงมากว่า 10 กก. แต่ก็ยังเอาชนะคะแนน แสนชัย ไปได้ อย่างสมศักดิ์ศรี เพราะทั้งคู่ชกไม่มีแผ่ว ใส่จริงจัดหนักทุกหมัด

เมื่อศึกฟาดหมัดแข้งของเพื่อนรักจบลงด้วย “ชัยชนะ”  ของบัวขาว และกลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง  BKFC  จึงทาบทาม บัวขาว ให้มาต่อยกับ “คอนเนอร์ แม็คเกรเกอร์” นักสู้คนเดียวที่เป็นแชมป์ทั้งสองรุ่นของ UFC พร้อมกัน ที่เอาชนะอดีตแชมป์เฟเธอร์เวท José Aldo ในศึกยูเอฟซี 194 ภายใน 13 วินาที ถือเป็นชัยชนะที่เร็วที่สุดในการแข่งขัน ชิงแชมป์ของ UFC และเอาชนะอดีตแชมป์ไลฟ์เวท Eddie Alvarez ในศึกยูเอฟซี 205

โดยเสนอให้ “ บัวขาว” ต่อยด้วยด้วยกติกาเดียวกับที่ต่อยแสนชัย ในรุ่น 69.5 กิโลกรัม ต่อยด้วยมือเปล่า ห้ามใส่นวม เตะ หมัด ศอก มาครบ  แต่ บัวขาว ยังไม่ตอบรับ เพราะยังมีอีกไฟต์ที่  “บัวขาว” ต้องกลับไปแก้มือคือ  การชกส่งท้ายปีในศึก RWS: Legend of Rajadamnern ในวันที่ 2 ธ.ค. 66 กับ “พญาสิงโต”  นายาเนช ไอมาน กำปั้นชาวสเปนเชื้อสายคองโก ที่เคยชกกับ บัวขาว มาแล้วเมื่อ 5 ปีก่อนที่ประเทศจีน และเป็น นายาเนช ที่แพ้น๊อกให้ บัวขาว ตั้งแต่ยกแรก 

จากวันนั้น นายาเนช ตั้งตาตั้งตาฝึกซ้อม และแข่งขันจนกลายเป็นนักชกที่มีลีลาการชกสุดดุดัน และเมื่อได้กลับมาเจอกับ บัวขาว อีกครั้ง นายาเนช ตั้งเป้าที่จะ “ล้างตา” เอาชนะ  บัวขาว ในไฟต์นี้ให้ได้ 

กลายเป็นงานหนักอีกไฟต์ของ บัวขาว และเป็นโจทย์ที่ท้าทายไม่ใช่น้อย เพราะการต่อยครั้งนี้ !!!!!